แหวนนามสกุล คุณค่าทางใจที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย
ถ้าพูดถึง แหวนนามสกุล เชื่อว่าคงมีใครหลายคนที่ได้รับแหวนสลักนามสกุลซึ่งเป็นต้นตระกูลของตัวเองเป็นสมบัติติดตัว ที่อาจจะได้รับจากพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ซึ่งอาจจะไม่ได้ทำจากวัสดุที่มีค่าหรือมีราคาสูงมากนัก แต่เป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจสำหรับใครหลายคนและในหัวข้อนี้ก็มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าสนใจของแหวนนามสกุลมาฝากกันดังนี้ค่ะ
จากหลักฐานทางโบราณคดีพบว่า แหวนนามสกุล มีต้นกำเนิดมาจากต่างประเทศมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพื่อแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนในวงศ์ตระกูลสังคมชั้นสูง ส่วนในเมืองไทยนั้น เริ่มมีเป็นที่ปรากฏหลังสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งตามประวัติศาสตร์แล้ว ชาวไทยเริ่มมีนามสกุลใช้กันในสมัยรัชกาลนี้ การริเริ่มทำแหวนสลักนามสกุลส่วนใหญ่จะเริ่มมาจากตระกูลของผู้ที่ได้รับนามสกุลพระราชทาน โดยส่วนใหญ่จะมีตราประจำตระกูลที่ทำเป็นเครื่องประดับควบคู่กันด้วย เช่น แหวนกับจี้ห้อยคอ
รูปแบบและการดีไซน์ของแหวนนามสกุล มีหลากหลายทั้งเรื่องของวัสดุตัวเรือนและระดับราคา ส่วนการสลักนามสกุลนั้น ก็มีวิธีการที่หลากหลาย เช่น เป็นนามสกุลภาษาไทยที่ด้านในของแหวน หรือในกรณีที่ต้องการแสดงความเป็นเจ้าของแบบเฉพาะเจาะจงก็มีการใช้ อักษรภาษาไทยนำหน้าชื่อตัวแรกตามด้วยจุดและนามสกุล
แต่ถ้าเป็นการออกแบบหัวแหวนส่วนใหญ่จะใช้ตราสัญลักษณ์ประจำตระกูล ถ้าไม่มีก็มักจะใช้ตัวย่อเป็นอักษรภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ ที่ปัจจุบันมีการออกแบบให้เป็นโลโก้ที่เข้ากับยุคสมัยและตัวเรือนแหวนอย่างน่าสนใจ
คุณค่าของแหวนนามสกุลนั้น อาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัสดุตัวเรือน มูลค่าหรือราคา เพราะถ้ามองในแง่ของความมีคุณค่าทางจิตใจแล้ว ก็เปรียบได้กับเครื่องรางที่เป็นสิริมงคลในชีวิต เป็นเหมือนตัวแทนของพ่อแม่ บรรพบุรุษที่มีความหมายในเชิงให้กำลังใจ โดยเฉพาะเมื่อต้องเดินทางจากบ้านไปไกล
เช่นไปเรียนต่อต่างประเทศ เครื่องประดับเหล่านี้เมื่อพกติดตัวไปก็ช่วยให้อุ่นใจได้ไม่น้อย นอกจากนี้ สำหรับบางตระกูลแล้ว แหวนสลักนามสกุลที่ได้รับสืบต่อกันมารุ่นสู่รุ่นยังนิยมใช้เป็นแหวนหมั้นหรือแหวนแต่งงานได้อีกด้วย